ดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติเกิดขึ้นจากการผุพังของหินและแร่รวมทั้งอินทรียวัตถุผสมคลุกเคล้าเป็นเนื้อเดียวกันเป็นส่วนบาง ๆ ที่ปกคลุมผิวโลกที่เป็นแผ่นดิน เมื่อมีองค์ประกอบของอากาศและน้ำเป็นปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยค้ำจุนและเอื้ออำนวยการยังชีพและการเจริญเติบโตของพืช
กล่าวได้ว่า ดินเป็นแหล่งที่มาที่สำคัญของธาตุอาหารและน้ำตามธรรมชาติที่ค้ำจุนพืชและสัตว์ให้เจริญเติบโตและมีชีวิตอยู่ได้ในป่าก่อนถูกทำลายเพื่อนำที่ดินมาใช้ทำการเพาะปลูก ธาตุอาหารพืชในดินจะสะสมหมุนเวียนอยู่บนผิวดินอย่างอุดมสมบูรณ์ ดินหลังจากเปิดป่าใหม่ ๆ จึงปลูกพืชได้งอกงามและมีผลิตผลสูงโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย พืชจะดึงดูดธาตุอาหารในดินซึ่งมีอย่างเพียงพอขึ้นมาสร้างต้นและผลิตผล การเก็บเกี่ยวผลิตผลของพืชออกจากไร่นาแต่ละครั้งจึงทำให้เกิดการสูญเสียธาตุอาหารพืชหรือปุ๋ยธรรมชาติในดินออกไปด้วย ดังนั้นการปลูกพืชและเก็บเกี่ยวผลิตผลออกจากไร่นาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงทำให้ดินดีกลายเป็นดินเลวปลูกพืชไม่งอกงาม การเจริญเติบโตและผลิตผลของพืชลดลง การเปลี่ยนแปลงของดินจากสภาพดินดีไปเป็นดินเลวจะเกิดขึ้นได้เร็วหรือช้าแตกต่างกันตามสภาพการใช้งานเพื่อการเกษตรและวิธีการอนุรักษ์ปรับปรุงบำรุงดินของเกษตรกร ถ้าเกษตรกรมีความรู้และเข้าใจในความสำคัญของดิน ดินก็จะเสื่อมสภาพช้าในทางตรงข้ามถ้าเกษตรกรไม่เข้าใจและไม่รู้จักความสำคัญของดินการเสื่อมโทรมของดินจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทยการเสื่อมโทรมของดินเกิดขึ้นชั่วระยะเวลาเพียง ๘-๑๐ ปีเท่านั้น
ดินเป็นต้นกำเนิดของความเจริญทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีของมนุษย์ ดินดีจะส่งผลให้เกิดผลิตผลทางการเกษตรที่ได้ผลดีประชาชนของชาติจะมั่งมีและมีอารยธรรมสูง ถ้าดินเลวผลิตผลการเกษตรมักล้มเหลวประชาชนอดอยากขาดแคลนอาหารประเทศชาติไม่อาจพัฒนาก้าวหน้าไปได้จะเป็นประเทศที่ยากจนและล้าหลังตลอดไป ความอุดมสมบูรณ์ของดินจึงเสมือนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของชาติที่ทุกคนจะต้องสงวนไว้ ทรัพยากรนี้จะหมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีการใช้ดินเพื่อการเพาะปลูกอย่างไม่ระมัดระวังและขาดความรู้ ดังนั้นผู้ที่ทำการเพาะปลูกจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการใช้และการอนุรักษ์ดินเป็นอย่างดีเพื่อที่เราจะได้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแหล่งนี้เพื่อการเพาะปลูกและให้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานเหลนของเราได้ตลอดไป